“สมาร์ทโฟน” เป็นเครื่องมือสื่อสารที่ทุกคนใช้ทุกวัน และทำได้สารพัดประโยชน์ ไม่ว่าอ่านข่าวสาร ดูหนังหรือฟังเพลง เมื่อหันมองไปทางไหน ก็จะเป็นยุคสมัยของสังคมก้มหน้า อยู่กับหน้าจอโทรศัพท์มือถือ หรือแท็บเล็ตตลอดเวลา
ไม่เว้นแม้แต่เด็กๆ ยิ่งบ้านไหนที่มีเด็กเล็กอยู่ด้วย ส่วนใหญ่ผู้ปกครองมักจะไม่ค่อยมีเวลาว่าง ดูแลลูกตลอดเวลา ก็มักจะเปิดการ์ตูนหรือให้เล่นเกมส์ เพื่อไม่ให้ไปเล่นซุกซนที่อื่น ให้อยู่ในสายตา แต่ทว่าพฤติกรรมนี้ ก็มีทั้งผลดีและผลเสีย จะซึมซับให้เด็กติดนิสัยแบบไม่รู้ตัว ส่งผลเสียให้กับเด็กในอนาคตอย่างที่คาดไม่ถึงอีกด้วย
พฤติกรรมก้าวร้าว
หากเด็กๆ เล่นโทรศัพท์จนติดเป็นนิสัยแล้ว เวลาได้เล่นก็จะอารมณ์ดี มีความสุข แต่ถ้าเมื่อไรที่ไม่ได้เล่น ก็จะงอแง ร้องเสียงดัง เอาแต่ใจ เกิดอาการหงุดหงิด ส่งผลให้เป็นคนก้าวร้าว อารมณ์รุนแรง เพราะไม่ได้ดั่งใจ
จอประสาทตาถูกทำลาย
เด็กเล็กกับดวงตา และระบบการมองเห็น ยังอ่อนไหว ไม่ควรมองแสงที่สว่างมากเกินไป แสงจากหน้าจอโทรศัพท์ สามารถทำลายจอประสาทตาของเด็ก จนนำไปสู่โรคทางสายตา หรือจอประสาทตาเสื่อมได้
สมาธิสั้น
เมื่อให้เด็กดูหน้าจอมากเกินไป จะเห็นภาพและเสียงผ่านเข้ามาอย่างรวดเร็ว ส่งผลให้เสียสมาธิได้ เพราะไม่สามารถจดจ่อกับการดูสิ่งใดสิ่งหนึ่งได้นานๆ และเด็กส่วนใหญ่ที่ถูกปล่อยให้นั่งเล่นคนเดียวเป็นเวลานาน ทำให้ขาดทักษะการสื่อสารกับผู้อื่น
ไม่ให้ลูกเล่นมือถือนาน
ทุกครั้งที่ให้ลูกเล่น ผู้ปกครองต้องอยู่คอยให้คำแนะนำระหว่างเล่น เพราะเนื้อหาบางอย่าง เด็กไม่สามารถแยกแยะได้ และเพื่อป้องกันพฤติกรรมการเลียนแบบ ที่อาจกลายเป็นปัญหาในอนาคต
หากิจกรรมทำร่วมกัน
ผู้ปกครองควรให้ความสนใจกับลูกๆ ด้วยการหากิจกรรมที่ได้ทำร่วมกัน อย่างเช่น การต่อจิ๊กซอว์ การทำอาหาร การวิ่งเล่นเครื่องเล่นในสวนสาธารณะ จะช่วยให้เด็กได้ใช้ทั้งสมอง และร่างกายไปพร้อมๆ กัน โดยละสายตาจากหน้าจอ มาสนใจโลกแห่งความเป็นจริงมากขึ้น
เป็นตัวอย่างที่ดี
คนในครอบครัวต้องเป็นตัวอย่างที่ดีให้กับลูก โดยไม่เล่นมือถือ แท็บเล็ตและไอแพดต่าง ๆ ให้ลูกเห็น เพราะเขาจะทำตาม แต่ถ้าจำเป็นต้องใช้งาน ควรอธิบายให้ลูกเข้าใจว่า ต้องใช้เพื่อทำงานเรื่องสำคัญ
